เมนู

5. โลกสูตร


ว่าด้วยบุคคล 3 จำพวกอุบัติขึ้นในโลก


[263] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคล 3 จำพวกนี้ เมื่ออุบัติขึ้นในโลก
ย่อมอุบัติขึ้นเพื่อเกื้อกูลแก่ชนเป็นอันมาก เพื่อความสุขแก่ชนเป็นอันมาก
เพื่ออนุเคราะห์โลก เพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุขแก่เทวดาและ
มนุษย์ทั้งหลาย บุคคล 3 จำพวกเป็นไฉน.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พระตถาคตเสด็จอุบัติขึ้นในโลกนี้ เป็นพระ-
อรหันต์ตรัสรู้เองโดยชอบ ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดีแล้ว
ทรงรู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึก ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของ
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกธรรม พระตถาคต
พระองค์นั้นทรงแสดงธรรมงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด
ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลที่ 1 นี้ เมื่ออุบัติขึ้นในโลก ย่อมอุบัติขึ้นเพื่อ
เกื้อกูลแก่ชนเป็นอันมาก เพื่อความสุขแก่ชนเป็นอันมาก เพื่ออนุเคราะห์โลก
เพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย.
อีกประการหนึ่ง พระสาวกของพระศาสดาพระองค์นั้นแหละเป็นพระ-
อรหันตขีณาสพ อยู่จบพรหมจรรย์ ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ปลงภาระลงแล้ว
มีประโยชน์ของตนอันบรรลุแล้ว มีสังโยชน์ในภพสิ้นแล้ว หลุดพ้นแล้ว
เพราะรู้โดยชอบ สาวกนั้นแสดงธรรมงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งาม
ในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์บริบูรณ์
สิ้นเชิง ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แม้บุคคลที่ 2 นี้ เมื่ออุบัติขึ้นในโลกย่อมอุบัติขึ้น

เพื่อเกื้อกูลแก่ชนเป็นอันมาก เพื่อความสุขแก่ชนเป็นอันมาก เพื่ออนุเคราะห์
โลก เพื่ออประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย.
อีกประการหนึ่ง พระสาวกของพระศาสดาพระองค์นั้นแหละ ยังเป็น
ผู้ศึกษาปฏิบัติอยู่ มีพระปริยัติธรรมสดับมามาก ประกอบด้วยศีลและวัตร
แม้พระสาวกนั้นก็แสดงธรรมงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด
ประกาศพรหมจรรย์พรอัมทั้งอรรถทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลที่ 3 นี้ เมื่ออุบัติขึ้นในโลกย่อมอุบัติขึ้นเพื่อเกื้อกูล
แก่ชนเป็นอันมาก เพื่อความสุขแก่ชนเป็นอันมาก เพื่ออนุเคราะห์โลก เพื่อ
ประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย บุคคล 3 จำพวกนี้แล เมื่ออุบัติขึ้นในโลก ย่อมอุบัติเพื่อเกื้อกูล
แก่ชนเป็นอันมาก เพื่อความสุขแก่ชนเป็นอันมาก เพื่ออนุเคราะห์โลก เพื่อ
ประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย.
พระศาสดาแล ผู้แสวงหาคุณอัน
ใหญ่ เป็นบุคคลที่หนึ่ง ในโลก พระสาวกผู้
เกิดตามพระศาสดานั้น ผู้มีตนอันอบรม
แล้ว ต่อมาพระสาวกอื่นอีกแม้ยังศึกษา
ปฏิบัติอยู่ ได้สดับมามากประกอบด้วยศีล
และวัตร บุคคล 3 จำพวกเหล่านั้น เป็น
ประเสริฐสุดในเทวดาและมนุษย์ บุคคล
3 จำพวกเหล่านั้น ส่องแสงสว่าง แสดง
ธรรมอยู่ ย่อมเปิดประตูแห่งอมตนิพพาน
ย่อมช่วยปลดเปลื้องชนเป็นอันมากจาก

โยคะ ชนทั้งหลายผู้ปฏิบัติตามอริยมรรค
ที่พระศาสดาผู้นำพวก ผู้ยอดเยี่ยมทรง-
แสดงดีแล้ว เป็นผู้ไม่ประมาทในศาสนา
ของพระสุตะ ย่อมกระทำซึ่งที่สุดแห่ง
ทุกข์ในอัตภาพนี้ได้แท้.

จบโลกสูตรที่ 5

อรรถกถาโลกสูตร


ในโลกสูตรที่ 5 พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
โลกในบทว่า โลเก นี้ มี 3 คือ สัตวโลก 1 สังขารโลก 1
โอกาสโลก 1.
ในโลกทั้ง 3 นั้น หมู่สัตว์ทั้งหลายที่เนื่องด้วยอินทรีย์ ที่เป็น
ไปด้วยสามารถแห่งการสืบต่อ แห่งรูปธรรม อรูปธรรม และทั้งรูปธรรม
และอรูปธรรม ชื่อว่า สัตวโลก. โลกที่แยกประเภทออกไปเป็น พื้นดิน
และภูเขาเป็นต้น ชื่อว่า โอกาสโลก. ขันธ์ทั้งหลายในโลกทั้งสอง ชื่อว่า
สังขารโลก. ในโลกทั้ง 3 นั้น ในพระสูตรนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรง
ประสงค์เอาสัตวโลก. เพราะฉะนั้น บทว่า โลเก จึงได้แก่ สัตวโลก.
แม้ในโลกเหล่านั้น บุคคล 3 ประเภท ไม่อุบัติในเทวโลก ไม่อุบัติในพรหม-
โลก(แต่)อุบัติในมนุษยโลก. ถึงในมนุษยโลกก็อุบัติในจักรวาลอื่น อุบัติขึ้น
ในจักรวาลนี้เท่านั้น ถึงแม้ในจักรวาลนี้ ก็ไม่อุบัติขึ้นในที่ทั่วไป พระตถาคตเจ้า
เสด็จอุบัติขึ้นในมัชฌิมประเทศ (ที่มีอาณาเขต) ยาว 300 โยชน์ กว้าง 250
โยชน์ รอบด้าน 900 โยชน์ ที่กำหนดไว้อย่างนี้ คือ ด้านทิศบูรพา มีนิคม